อานิสงค์ของการให้ทาน





ทานในพระสูตร มี 10 คือ

1. ทานข้าว 
2. ทานน้ำ
3. ทานผ้าเครื่องนุ่งห่ม 
4. ทานยานพาหนะ
5. ทานดอกไม้ 
6. ทานของหอม
7. ทานเสื่ออาสนะ 
8. ทานที่อยู่พักอาศัย
9. ทานยารักษาโรค 
10. ทานประทีปดวงไฟ


ทานในพระวินัย คือ การบริจาคปัจจัย 4 สำหรับพระเณรได้แก่

1. ทานผ้าไตร
2. ทารโภชนาหาร ได้แก่
2.1 อาหารที่พระเณรรับประเคนแล้วฉันได้ตั้งแต่ตอนเช้าวันที่รับ ถึงก่อนเที่ยงวันนั้นเท่านั้นได้แก่ ข้าวสุก ขนมสดและแห้ง ปลาและเนื้อ
2.2 อาหารที่รับแล้วเก็บไว้ฉันในตอนเช้า เย็น กลางคืนได้ ภายใน 7วันเท่านั้นได้แก่ น้ำผึ้ง น้ำอ้อย น้ำคาล น้ำหวาน เนยใส เนยข้น
2.3 เนื้อสัตว์ 10 อย่างที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามพระเณรฉันได้แก่
- เนื้อมนุษย์ - เนื้อช้าง
- เนื้อเสือเหลือง - เนื้อเสือโคร่ง
- เนื้อเสือดาว - เนื้อหมี
- เนื้อราชสีห์ - เนื้องู
- เนื้อสุนัข - เนื้อม้า
3. ทานเสนาสนะ ได้แก่ กุฎิสงฆ์ ศาลา โบสถ์ วิหาร หรือ สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ
4. ทานคิลาเภสัช ได้แก่ ยารักษาโรค


ทานในพระปรมัตถ์ มี 6 ประเภทคือ

1. ทานเกิดจากรูป เมื่อเห็นสิ่งของก็คิดอยากเอาสิ่งของไปทำบุญ
2. ทานเกิดจกาเสียง พูดชักชวนกันทำบุญ
3. ทานเกิดจากกลิ่น ได้กลิ่นหอมแล้ว อยากถวายของหอมนั้น
4. ทานเกิดจากรส กินอาหารรสดีแล้ว นำ อาหารดีไปถวาย
5. ทานเกิดจากสัมผัส สัมผัสเครื่องนุ่งห่มที่นอนดี แล้วอยากถวาย
6. ทานเกิดจากอารมณ์ สัมผัสกับอารมณ์ แล้วอยากทำบุญ


ระดับของทาน


1. อามีสทาน ได้แก่ ทานที่มีการให้สิ่งของ มีทั้ผู้ให้และผู้รับด้วย เป็นการเพิ่มจาคะ ลดความเห็นแก่ตน กำจัดความโลภ
2. อภัยทาน คือการให้อภัยแก่ผู้เบียดเบียนเรา ย่อมมีอานิสงค์มากกว่าอามิสทาน เพราะกำจัดความโกรธ
3. ธรรมทาน ได้แก่การให้ธรรมะเป็นทาน มีอานิสงค์มากกว่าทานทั้งปวง ผู้ให้และผู้รับได้ปัญญา


วิบัติ 4 ที่เกิดจากการทำทานไม่ถูกวิธี

1. ทำไม่ถูกที่ เช่น ให้ทานอาหารแก่เจ้าที่ในทางสามแพ่ง
2. ทำไม่ถูกบุคคล เช่น ให้เงินแก่คนติดเหล้าไปซื้อเหล้า
3. ทำผิดเวลา เช่น การให้อาหารแก่ช้างกำลังตกมัน
4. ทำทานไม่ต่อเนื่อง ไม่ทำดีติดต่อกัน


การบริจาคทานที่ไม่ถือเป็นบุญในพุทธศาสนา

1. ทานช้าง ม้า โค กระบือ ให้พระต้องเลื้ยง
2. ทานอาวุธ แก่พระเพื่อป้องกันตัว
3. ทานเครื่องดักสัตว์
4. ทานทารกเพศหญิงให้พระเลื้ยงดู
5. สอนงานศิลปะแก่พระเพื่อประกอบอาชีพ
6. ทานสุรายาเสพติด


ชนิดของทาน

1. ทาสทาน ได้แก่ทานที่นำของที่ตนกิน ใช้แล้วให้แก่ผู้อื่น ผลที่ได้รับจะได้ลาภที่เป็นของเก่าให้แล้ว
2. สหายทาน ได้แก่ทานที่นำของที่เราชอบและหาได้ในระดับเดียวที่เรากิน ใช้ ทำทานผลที่ได้จะได้รับลาภที่ดีในระดับเดียวกันนั้น ดีกว่าทาสทาน เพราะจาคะมากกว่า
3. สามีทาน ได้แก่ทานที่นำของที่ดีกว่าเรากิน ใช้ ทำทาน ผลที่ได้รับจะดีกว่าทั้งทาสทานและสหายทาน



องค์ประกอบในการทำทานให้ได้อานิสงค์มาก มีดังนี้

1. บุบพเจตนา คือ การได้ปัจจัยสิ่งของที่ทำทานนั้นด้วยความบริสุทธิ์
2. บุญจนเจตนา คือ ผู้ให้ทานเป็นผู้บริสุทธิ์(ถือศีล 5 เป็นอย่างต่ำ) มีเจตนาถวายด้วย ความเคารพบู่ชาเป็นไปเพื่อนิพพาน มีศรัทธาในผลบุญนั้น
3.อปราปรเจตนา คือ ผู้รับทานบริสุทธิ์ 


วิธีการทำทาน

1. ของทำทานต้องบริสุทธิ์
2. ถือศีล 5 เป็นอย่างต่ำทั้งก่อนทำทาน ระหว่างทำทาน และหลังทำทาน
3.ให้ทานแก่ผู้ควรรับ เช่น พระสงฆ์ผู้ปฎิบัติดี ถูกต้องตามธรรมวินัย
4. มีศรัทธาในทานที่ทำ อธิษฐานจิตก่อนทำให้ทานนี้มีผลต่อสิ่งปราถนา (ยิ่งทำทานเพื่อบรรลุมรรคผลนิพพานจะมีอานิสงค์มาก)
5. ระหว่างทำให้ทำด้วยความปิติยินดีที่ได้ทำทานนั้นด้วยความเสียสละ
6. หลังทำทานให้มีปิติยินดีที่ได้ทำแล้ว
7. บอกการทำทานนี้แก่บุคคลผู้ควรบอก เพื่อให้บุคคลอื่นร่วมอนุโมทนาบุญในทานนี้ (เป็นการกระจายบุญให้ผู้อื่น เพื่มบริวาร)
8. ทำทานอย่างต่อเนื่อง


อานิสงค์ของทาน

1. ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักแก่ผู้รับ
2. ผู้ให้ย่อมเป็นที่นับถือแก่บุคคลอื่นทั่วไป
3. ผู้ให้เข้าสมาคมที่ไหนย่อมแกล้วกล้า ไม่กลัวได้รับการต้อนรับอย่างดี
4. พระเณรนักปราชญ์ยอมรับ
5. ตายไปแล้วย่อมได้สวรรค์สมบัติ


อานิสงค์ของทานแต่ละอย่าง

1. ทานอาหาร ชาติต่อไป จะมี สุขภาพแข็งแรง อาหารบริบรูณ์ไม่อดอยาก
2. ทานเครื่องนุ่งห่ม ชาติต่อไป ไม่ขาดแคลนเครื่องนุ่งห่ม มีผิวพรรณดี
3. ทานประทีปดวงไฟ ชาติต่อไป มีสายตาดี เกิดในสวรรค์จะมีรัศมีสว่างออกจากกายอาจมีทิพยจักษุ
4. ทานรถโดยสาร ชาติต่อไป มีรถ มีคนขับรถให้ ไปไหนสะดวก
5. ทานพระพุทธรูป ชาติต่อไปมีรูปสวยงาม เป็นที่เคารพบูชา
6. ทานพระไตรปิฎก ชาติต่อไป จะมีปํญญาดี
7. ทานสร้างกุฎิวิหาร ชาติต่อไป จะมีบ้านหลังใหญ่
8. ทานห้องน้ำ ยารักษาโรค ชาติต่อไปมีสุขภาพแข็งแรง
9. ทานตัดผมขายเอาเงินทำบุญ ชาติต่อไป มีผมสวย
10. ทานดวงตา ชาติต่อไป มีทิพยจักษุ มีตาสวย
11. ทานอวัยวะโลหิต ชาติต่อไปมีสุขภาพแข็งแรง


อนิสงค์ของการทำทานมากอย่างนี้ พระพุทธเจ้าท่านว่ายังน้อยกว่าผู้ถือศีล ผู้ปฎิบัติธรรม เจริญสมถะสมาธิ วิปัสนาสมาธิหลายเท่านัก

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น